|
|
|
Started by |
|
|
Topic: พัฒนาการของการสวดพระปาฏิโมกข์ในพระพุทธศาสนา (Read: 2625 times - Reply: 0 comments) |
|
|
|
จักรกริช (Admin) |
Posts: 119 topics
Joined: 10/3/2552
|
|
พัฒนาการของการสวดพระปาฏิโมกข์ในพระพุทธศาสนา
|
« Thread Started on 28/11/2553 21:12:00 IP : 118.172.25.148 » |
|
|
|
พัฒนาการของการสวดพระปาฏิโมกข์ในพระพุทธศาสนา
พัฒนาการของการสวดพระปาฏิโมกข์ในพระพุทธศาสนา เริ่มตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าวิปัสสี พระองค์ได้แสดงโอวาสปาฏิโมกข์ ๖ เดือนต่อหนึ่งครั้ง แต่การบัญญัติสิกขาบทยังไม่มีการบัญญัติ ส่วนการทำอุโบสถ ก็ทำในที่แห่งเดียวเท่านั้น คือในอุทยาน เขมมฤคทายวันใกล้ราชธานี ชื่อพันธุมดี อันเป็นที่เสด็จประทับของพระผู้มีพระภาคเจ้าวิปัสสี ครั้งนั้นก็มีแต่การทำสังฆอุโบสถ อย่างเดียวไม่มีการทำเป็นคณะอุโบสถ บุคคลอุโบสถ ปาริสุทธิอุโบสถ อธิษฐานอุโบสถ
พัฒนาการของการสวดพระปาฏิโมกข์ สมัยพระพุทธเจ้าได้มีการบัญญัติสิกขาบทขึ้น และมีการทำอุโบสถสวดปาฏิโมกข์ ซึ่งหมายถึง การทรงจำแล้วทำการสวดเนื้อหาในคัมภีร์ที่รวมวินัยของสงฆ์ ๒๒๗ ข้อ คัมภีร์ที่ประมวลพุทธบัญญัติอันทรงตั้งขึ้นเป็นพุทธอาณา มีพุทธานุญาตโดยให้ภิกษุสวดในที่ประชุมสงฆ์เรียกกันว่าสงฆ์ทำอุโบสถปาฏิโมกข์หรือการสวดข้อบัญญัติทางพระวินัย ๑๕๐ ข้อ ในเบื้องแรก และ ๒๒๗ ข้อ ในกาลต่อมาทุก ๆ กึ่งเดือนหรือ ๑๕ วัน
พัฒนาการต่อมาพระพุทธองค์ได้มอบหมายการสวดปาติโมกข์ ให้กับพระเถระเป็นผู้ทำอุโบสถสังฆกรรม ในสมัยนั้นการเพยแพร่ธรรมยังไม่มีการบันทึกตัวอักษรไว้เป็นหลักฐาน ทางพระพุทธศาสนาการสวดปาติโมกข์ในยุคนี้จึงเป็นแบบมุขปาฐะ (คื่อการว่าปากป่าว) ครั้งต่อมาเกิดเรื่องขึ้นเรียกว่าอธิกรณ์ถึงขั้นแตกแยกเป็นสองฝ่ายในเรื่องของวินัย ที่วาลิการาม เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี เมื่อพุทธศักราช ๑๐๐ สงฆ์จึงได้มอบหมายการสวดปาติโมกข์ ให้กับพระอชิตะ พรรษา ๑๐ เพือวินิฉัยชี้แจงความในพระวินัยให้ถูกต้อง ทั้งนี้ต้องใช้ปัญาญาที่ฉานฉลาด ฉลาด หมายความว่า ต้องมีความฉลาดทางสติปัญญา ความสามารถทางการวิเคราะห์ ความสามารถทางวิชาการ ความจำ การอ่าน - เขียน - การคำนวณ อริสโตเติล นักปราชญ์ชาวกรีกได้กล่าวถึงเคล็ดลับแห่งการสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นให้ราบรื่นไว้ว่า มนุษย์ต้องรู้จักแสดงอารมณ์โกรธกับบุคคลที่ควรโกรธ ด้วยระดับความโกรธที่เหมาะสม ถูกเวลา ถูกวัตถุประสงค์ และถูกวิธี ซึ่งซาโลเวย์และเมเยอร์ (Peter Salovey and John Mayer ) นักจิตวิทยาที่มีชื่อเสียงเรียกการควบคุมตนเองดังกล่าวว่า ความฉลาดทางอารมณ์ หรือ อีคิว (Emotional Intelligence ) ซาโลเวย์และเมเยอร์เป็นผู้ที่เริ่มใช้คำนี้ในปี ค.ศ. ๑๙๐๐ เพื่ออธิบายมิติอีกด้านหนึ่งของความฉลาดในมนุษย์ที่มีความสำคัญเท่าเทียมกับความฉลาดทางสมองหรือ ไอคิว (Intelligence Quotient ) และเขาได้ให้คำจำกัดความของความฉลาดทางอารมณ์ว่า หมายถึงความสามารถที่จะรับรู้ เข้าใจความรู้สึก อารมณ์ และความต้องการของตนเองและผู้อื่น สามารถแยกความแตกต่างของอารมณ์ที่เกิดขึ้น แล้วใช้ข้อมูลนี้เป็นเครื่องชี้นำความคิด และประพฤติปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ อีกด้านหนึ่งของ IQ นี้มาจากกรรมพันธุ์ ๕๐ % อีก ๕๐% มาจากสิ่งแวดล้อม และการเลี้ยงดู หลักธรรมที่ช่วยเสริมสร้างให้การพัฒนาด้าน IQ นี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพได้แก่ สุ จิ ปุ ลิ สุ คือ สุตมยปัญญา ปัญญาจากการฟัง ตีความว่า การฟัง คือ การรับสาร หรือ สาระ ทั้งปวงจากสื่อต่าง ๆ จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ฉลาด พระพุทธเจ้าจึงอนุญาตให้สวดปาติโมกข์ได้ ดังพระบาลีที่ว่า อนุขานามิ ภิกฺขเว โย ตตฺถ ภิกฺขุ พยตฺโต ปฏิพโล, ตสฺสาเธยฺยํ ปาติโมกฺขํ หมายความว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาภิกษุเหล่านั้น ภิกษุรูปใดเป็นผู้ฉลาดและสามารถ เราอนุญาตปาติโมกข์ให้เป็นหน้าที่ของภิกษุรูปนั้น
พัฒนาการของการสวดพระปาฏิโมกข์ในพระพุทธศาสนาเมื่อว่าด้วยเรื่องของ หลักฐานทางพระพุทธศาสนา เราเรียกว่าพระไตรปิฎก ซึ่งถูกถ่ายทอดต่อกันมาโดยการท่องจำด้วยปากเปล่า จนกระทั่งราว พ.ศ. ๔๖๐ จึงมีการจารึกลงเป็น ลายลักษณ์อักษร กล่าวได้ว่าพระพุทธศาสนาสืบทอดมาพร้อมกับพระไตรปิฎก และคัมภีร์พระปาฏิโมกข์ ที่จัดอยู่ในพระวินัยปิฎก จากสมัยพุทธกาลจนถึงวันนี้ เป็นเวลากว่า ๒,๕๐๐ ปี พระไตรปิฎกบาลีของพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท เป็นที่ยอมรับกันว่า เป็นบันทึกคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เก่าแก่ที่สุด ดั้งเดิมที่สุด สมบูรณ์ที่สุด และถูกต้องแม่นยำที่สุด ในสมัยพุทธกาล การสวดพระปาฏิโกมข์ก็นิยมใช้ภาษาบาลี ต่อมายุคสมัยเปลี่ยนไปพระพุทธศาสนาเข้ามาเพยแพร่ในประเทศไทยจนถึงสมัยปัจจุบัน ก็มีการสวดพระปาฏิโมกข์ ในบางสำนักหรือบางวัดทางภาคเหนือก็มีการสวดพระปาฏิโมกข์แปล เป็นภาษาไทย การสวดพระปาฏิโมกข์แบบภาษาบาลี และแบบภาษาไทย ก็เป็นข้อมูลทางพระวินัย ๒๒๗ ข้อ ที่พระพุทธองค์บัญญัติ ไว้ให้พระภิกษุทั้งหลายต้องลงฟัง (บาลี) และเป็นการกล่าวทบทวนข้อบัญญัติทางพระวินัยทุก ๑๕ วัน ถ้าขาดโดยไม่มีเหตุสมควรต้องถูกปรับอาบัติ การสวดปาฏิโมกข์นี้เป็นตัวอย่างอันหนึ่งของการบังคับให้ท่องจำข้อบัญญัติทางพระวินัย
ดังนั้น พัฒนาการของการสวดพระปาฏิโมกข์ในพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นจากการบัญญัติพระวินัยขึ้นมาคาวแรก ๑๕๐ ข้อ ต่อมาภายหลังเป็น ๒๒๗ ข้อ ใช้สำหรับสวดภิกขุปาฏิโมกข์ และการทำหน้าทีสวดพระปาฏิโมกข์เดิม พระพุทธเจ้าให้เป็นหน้าที่ของพระเถระเท่านั้น แต่ถ้าพระเถระไม่สามารถสวดได้ ก็ให้ภิกษุผู้ฉลาดสามารถเป็นผู้สวดได้ เมือพระพุทธศาสนาเข้าสู้ประเทศไทยการสวดพระปาฏิโมกข์เดิมทีเป็นภาษาบาลี แต่บางสำนัก หรือบางวัดในปัจจุบันก็เริ่มมีการสวดแบบภาษาไทย
Website.พระมหาโมคคัลลานะเปล่งสีหนาท .พระวินัยปิฎก เล่ม ๑ มหาวิภังค์ ปฐมภาค - หน้าที่ ๘-๙,๒๕๔๕.(ซีดี-รอม).ฉลาด : http://www.learntripitaka.com/index.html#.
พระธรรมปิฏก (ป.อ. ปยุตฺโต, “พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลศัพท์ พิมพ์ครั้งที่ ๘” ,
( จ.กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๔๐), หน้า ๑๖๗.
พระราชพรหมาจารย์ (ทอง สิริมงฺคโล), “บททำวัตรสวดมนต์ประจำศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดร่ำเปิง ( ตโปทาราม ) พิมพ์ครั้งที่ ๕” , ( จ.เชียงใหม่ : หจก. โรงพิมพ์ช้างเผือก, ๒๕๔๘), หน้า ๔๖.
พระอาจารย์คึกฤทธ์ โสตฺถิผโล , “อริยวินัย พิมพ์ครั้งที่ ๑๐” , ( จ.กรุงเทพมหานคร :บริษัท คิว พริ้นท์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ๒๕๕๒), หน้า ๔๔๑ – ๔๖๗.
|
|
|
|
|
|
|