สัพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ.
รสแห่งธรรม ย่อมชำนะรสทั้งปวง.
รสแห่งธรรมนำสุขทุกขณะ ย่อมชำนะเหนือหมดรสอาหาร
อร่อยอื่นชื่นใจก็ไม่ปาน รสคาวหวานต้องลิ้นแล้วสิ้นไป
แต่รสล้ำธรรมะชนะหมด ให้ร้อยรสคาวหวานสักปานไหน
ไม่เท่ารสแห่งธรรมชุ่มฉ่ำใจ ชื่นฤทัยหวานอยู่ไม่รู้คลาย.
จากข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ไทยทุกวันนี้ นิยมขายความเหลวแหลกของสังคมให้ชาวบ้านอ่าน ยิ่ง hardcore ได้เท่าไหร่ คนยิ่งชอบ หรือใครจะปฎิเสธว่าไม่จริง ว่าเป็นความขมของสังคม
แต่รสแห่งธรรมนี้เป็นยอดหรือว่าชนะรสทั้งปวง ที่ตรัสไว้เช่นนั้นก็คือพระพุทธเจ้า ผู้เคยมีรสมีชาดเต็มพระทัย ได้ผ่านมาแล้วทราบทุกรสทุกชาดมีความหนักเบามากน้อยเพียงใดทรงทราบหมดแล้วก้อทรงทราบรสแห่งธรรมประจักพระทัยเป็นรสที่บริสุทธิ์ยอดเยี่ยมคือถึงขั้นบริสุทธิ์แล้วเรียกว่า รสชาดินั้นก็ประเสริฐสุด แล้วเอารสที่ได้ทรงประจักในพระทัยแล้วออกมาประกาศสอนโลกจึงเป็นธรรมที่ถูกต้องแม่นยำไม่มีอะไรผิดไปแม้แต่นิดเดี่ยวเพราะได้เป็นหลักฐานพระยานออกมาจากพระทัยรสที่เคยเกี่ยวข้องกันมากี่กัปกี่กัลพระองค์ก็ทรงทราบหมดได้ทรงลิ้งรสหมดแล้ว รสแห่งธรรมก็จึงได้นำรสนี้มาประกาศสอนโลก ว่ารสแห่งธรรมชนะซึ่งรสทั้งปวง
ในสมัยหนึ่ง ท้าวสักกเทวราชพร้อมด้วยเทวดาหมื่นจักรวาลมาเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้นถึงแล้วจึงน้อมนมัสการทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า "การให้อะไร ชนะการให้ทั้งปวง รสแห่งอะไร ชนะรสทั้งปวง ความยินดีในอะไร ชนะความยินดีทั้งปวง ความสิ้นไปแห่งอะไร ชนะทุกข์ทั้งปวง"
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตอบปัญหาท้าวสักกะผู้เป็นจอมเทพยดา ปรากฏใน ตัณหาวรรค ธรรมบท ว่า
สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ
สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาติ ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาติ
การให้ธรรมทาน ชนะการให้ทั้งปวง
รสแห่งธรรม ชนะรสทั้งปวง
ความยินดีในธรรม ชนะความยินดีทั้งปวง
ความสิ้นไปแห่งตัณหา ชนะทุกข์ทั้งปวง
ผู้ใดให้ธรรมเป็นทาน ผู้นั้นชื่อว่าให้พระนิพพานแก่คนทั้งหลาย
ขั้นตอนก่อนลงมือปฏิบัติธรรม เพื่อให้ได้รสพระธรรมนั้นก็มีอยู่ 4 ขั้นตอนใหญ่ ๆ คือ
1. การกราบอย่างมีสติ
2. การเดินอย่างมีสติ
3. การนั่งอย่างมีสติ
4. การนอนอย่างมีสติ ............6/////////